การดูดไขมัน
ถือเป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่ง
โดยเฉพาะถ้าดูดออกเป็นปริมาณมาก
เป็นหนึ่งในการผ่าตัดทางศัลยกรรมเสริมสวยไม่กี่อย่างที่ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้
อัตราตายจากตัวเลขฝรั่งอยู่ที่
0-2 ต่อ 100,000 คน !
ส่วนภาวะแทรกซ้อนเฉลี่ยที่ประมาณ
10% ประกอบด้วยปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนทั่วไปที่เกิดกับทุกการผ่าตัด
และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดเฉพาะกับการดูดไขมัน
ได้แก่
- ปัญหาเฉพาะบริเวณที่ทำการดูดไขมัน
- น้ำเหลืองคั่งใต้ผิวหนัง
พบได้บ่อยมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคการดูดไขมันด้วยอัลตราซาวน์
คงเป็นด้วยการที่แพทย์ใช้ท่อดูดไขมันออกจากชั้นไขมันใต้ผิวหนัง
ทำให้มีการทำลายเซลไขมันและท่อน้ำเหลือง
ปัจจุบันจึงนิยมใส่ท่อระบายไว้ใต้ผิวหนังที่ทำเมื่อเสร็จการผ่าตัด
เคยมีรายงานผู้ป่วยหนึ่งรายในอเมริกา
พบมีก้อนไขมันขนาดใหญ่ที่หน้าท้องหลังทำการดูดไขมันเป็นเวลาหลายเดือน
- ผิวหนังบริเวณที่ทำขรุขระไม่เรียบ
ถ้าเกิดขึ้นแล้วแก้ยากทีเดียว
อาจเกิดจากการดูดไขมันออกจากผิวหนังชั้นตื้นอย่างไม่สม่ำเสมอ
การแก้ไขอาจต้องทำการดูดไขมันซ้ำจากส่วนที่ยังนูนหนาอยู่
หรือฉีดไขมันเข้าไปที่บริเวณที่บางบุ๋มเกินไป
- เลือดออก ณ
บริเวณที่ทำ
อันนี้เป็นจากท่อที่ใช้ดูดไขมันโดยตรง
ส่วนใหญ่เป็นเส้นเลือดเล็กๆที่ฉีกขาดแล้วไม่หยุด
การใช้ยาอะดรีนะลีนฉีดก่อนดูดในการดูดไขมันแบบเปียกร่วมกับการใช้ผ้ารัดบริเวณที่ทำจะลดปัญหานี้ไปได้มาก
- อากาชาหรือความรู้สึกเสียวแปล๊บผิวหนังบริเวณที่ทำ
อันนี้ไม่ต่างจากการผ่าตัดอย่างอื่น
ยกเว้นว่า
ท่อดูดไขมันไปบาดเจ็บต่อเส้นประสาทใหญ่บริเวณนั้นโดยตรง
อาการก็จะมาก
- ผิวหนังเป็นอันตรายจากความร้อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีที่ใช้อุลตราซาวน์
- การบาดเจ็บต่ออวัยวะที่อยู่ใต้ชั้นไขมัน
จากท่อที่ใช้ดูดไขมันแทงลึกทะลุลงไป
เช่น
ทะลุของผนังช่องท้องไปโดนอวัยวะภายในกรณีทำที่หน้าท้อง
ทะลุไปโดนเส้นเลือดใหญ่กรณีทำที่ขา
สิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเท่านั้น
- การติดเชื้อ
เกิดไม่บ่อย
ส่วนใหญ่เป็นเชื้อแบคทีเรีย
แต่เคยมีรุนแรงมาก
พบในผู้ป่วยที่ญี่ปุ่น
มีการติดเชื้อลุกลามจากบริเวณที่ทำไปเป็นการติดเชื้อทั่วร่างกาย
เกิดอาการความดันโลหิตต่ำ
เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- ลดสัดส่วนได้ไม่ดังใจ
เป็นไปได้อย่างยิ่งและไม่แปลกที่คุณอาจต้องทำการดูดไขมันซ้ำอีก
อันนี้เป็นผลต่างระหว่างความคาดหวังของคุณกับความสามารถที่หมอจะทำให้ได้
- ผิวหนังเป็นสีคล้ำ
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
มีพบได้ 4%
เฉพาะกรณีที่ทำการดูดไขมันบริเวณต้นขาด้านใน
- ปัญหาที่เกิดแก่ร่างกายทั้งระบบ
- ภาวะน้ำเกิน
เกิดจากการที่แพทย์ต้องฉีดน้ำเกลือเข้าชั้นใต้ผิวหนังจำนวนมากในการดูดไขมันแบบเปียก
น้ำเกลือเหล่านี้ร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียน
ถ้ามากเกินขนาดที่หัวใจจะรับไหว
ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
เป็นหัวใจวาย น้ำท่วมปอด
- ปัญหาจากยาชา
โดยอาจจะเป็นการแพ้คือได้รับยาชาเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็ชารอบปาก
ผื่นตามตัว แน่นหน้าอก
ความดันโลหิตตก ช็อก
หมดสติ
หรือเป็นยาชาเกินขนาด
คือได้รับยาชาเข้าไปจำนวนมากเกินกว่าที่ร่างกายจะทำลายได้ทัน
ยาชาจะไปมีผลกดหัวใจและระบบประสาท
ทั้งสองกรณีเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- ปัญหาจากการได้รับยาอะดรีนะลีนเกินขนาด
ร่างกายกำจัดไปทัน
ยาไปเร่งการทำงานของระบบประสาทและหัวใจ
เส้นเลือดทั่วร่างกายบีบตัวอย่างรุนแรง
หัวใจอาจจะขาดเลือดไปเลี้ยง
อาจจะวาย
และเสียชีวิตได้
- การเสียเลือด
ด้วยเทคนิคการดูดไขมันในปัจจุบัน
เราไม่สามารถเลือกดูดเฉพาะไขมัน
เลือดจะถูกดูดไปด้วย
มากน้อยแล้วแต่เทคนิควิธีการของหมอแต่ละคน
มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเสียเลือดมากจนเกิดอันตราย
ไม่ว่าจะโลหิตจาง
หรือเกิดอาการช็อค
- เส้นเลือดปอดเกิดการอุดตันเฉียบพลัน
พบน้อยมาก
โดยเชื่อว่าเกิดจากมีก้อนไขมันเล็กๆหลุดไปในกระแสโลหิต
ไหลเวียนไปถึงเส้นเลือดที่ปอด
แล้วอุดตันเฉียบพลัน
ผลคือเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน
ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้ตามปกติ
ทำให้เสียชีวิตเฉียบพลันได้
จะเห็นได้ว่า
การดูดไขมันเป็นศัลยกรรมตกแต่งที่มีปัญหาได้มากทีเดียว
บทเรียนจากศัลยแพทย์ทั่วโลกทำให้เราทราบว่า
การดูดไขมันจะมีปัญหาต่างๆมากขึ้น
ถ้า
- แพทย์ขาดประสบการณ์
-
ทำผ่าตัดอย่างอื่นร่วมไปกับการดูดไขมัน
-
ดูดไขมันออกเป็นปริมาณมากๆ
เป็นผลให้ต้องใช้เวลาทำผ่าตัดนานมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามากกว่า
5,000 ซีซี
กลับไปด้านบน |