เทคนิควิธีการรักษาผิวหน้าด้วยแสง

Intense Pulsed Light Source Technology

หลักการก็คือ เนื้อเยื่อคนเราประกอบด้วยเซลหลายแบบ เช่น เซลเม็ดเลือด เซลเม็ดสี เซลแต่ละอย่างก็ไวกับแสงที่ความยาวคลื่นต่างๆกันไป ถ้าใช้เลเซอร์(ซึ่งมีความยาวคลื่นเดียว) ก็ทำลายได้แต่เซลชนิดเดียว แต่ถ้าใช้แสงที่มีความยาวคลื่นหลายๆระดับก็น่าจะทำลายเซลหลายๆอย่าง ฝรั่งก็เลยเอามาทดลองใช้ และพบว่าได้ผลพอควร คือ ผิวหนังเหมือนกับโดนต้มแบบอ่อนๆ ไม่มีแผล เซลเม็ดสีถูกทำลาย เซลเม็ดเลือดถูกทำลาย สีเลยสม่ำเสมอขึ้น รอยโรคที่เป็นจากเม็ดเลือดน้อยลง ผิวเรียบขึ้น แต่ก็ใช้กับรอยโรคที่เป็นลึกๆหรือใหญ่มากไม่ได้ เช่นแผลเป็นลึกๆ รอยย่นลึกๆ

ผลการรักษา

	ดีที่สุดในกรณีที่เป็นโรคที่เกิดจากการมีเส้นเลือดผิดปกติ
	ต้องทำหลายๆครั้งกว่าจะเห็นผล
	ยังคงจะมีปัญหาได้ แต่โดยทั่วไปน้อยกว่าการใช้เลเซอร์ เช่น อาจทำให้เป็นแผลหรือพุพองเป็นตุ่มน้ำ ผิวหนังอาจมีสีเข้มผิดปกติ

โรคที่แนะนำให้ใช้ (การศึกษาผลการรักษามีแต่เฉพาะในฝรั่งผิวขาว)

	โรคของผิวหน้าที่เกิดจากเส้นเลือดที่ไม่ใหญ่มากและอยู่ตื้นๆ คือจะเห็นเป็นรอยแดงๆ เช่น telangiectasia, vascular malformation, senile angioma, rosacea, poikiloderma of Civatte, erythrosis interfollicularis colli (โรคพวกนี้ยังนึกภาษาไทยไม่ออก)
	ใช้กำจัดขน โดยเฉพาขนที่เป็นสีดำบนผิวหนังสีขาวๆหน่อย ได้ผลปานกลาง (มีการศึกษาหนึ่ง พบว่า ขนลดลง 33% ณ 6 เดือนหลังรักษา)
	อาจะได้ผลในโรค Nevus Spilus
	อาจได้ผลบ้างในกรณี รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าแบบตื้นๆ แผลเป็นใบหน้าแบบตื้นๆ

คำเตือนคือ ทั่วโลก ประสบการณ์การรักษาด้วยวิธีนี้มีมาไม่ถึง 10 ปี และไม่มีการศึกษาวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ได้ผลดีกับผิวคนไทยเรา บ้านเรายิ่งเพิ่งมีมาไม่นาน อย่าไปเชื่อคำโฆษณาของใครคนใดคนหนึ่ง(ที่อาจมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการ) ดังนั้น ถ้าท่านจะไปรับการรักษา ก็ต้องเสี่ยงเอาเอง (ตามสไตล์ไทยๆ) ในอดีตเรามีบทเรียนมามากแล้วกับการเห่อใช้ของใหม่ที่ยังไม่รู้จักมันจริง แล้วต่อมาตามมาด้วยผลข้างเคียงทำให้ต้องห้ามหรือเลิกใช้ เช่น สมัยเมื่อยาเตตราซัยคลินออกมาไม่นาน บ้านเราก็ใช้กันมาก ใชัรักษาหวัดในเด็กกัน ต่อมาจึงได้รู้ว่าทำให้ฟันเหลืองฟันเสีย ยาแก้แพ้ท้องตัวหนึ่งชื่อ ทาลิโดไมด์ ตอนออกใหม่ๆ ก็ใช้กันทั่วโลก ต่อมาถึงได้รู้ทีหลังว่าทำให้เด็กที่เกิดมาแขนขากุดไปเลย

กลับไปด้านบนสุด